ความรัก กับ ความฝัน
ผู้หญิงเรามักฝันหวานกับความรักแท้ที่ต้องการจะพานพบ และวาดฝันเกี่ยวกับชายที่จะมายืนเคียงข้างไว้มากมาย แต่เมื่อเรากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง คนที่ยืนอยู่เคียงข้างกันยังเป็นคนที่อยู่ในฝันของเราหรือไม่
ผู้เข้าชมรวม
1,013
ผู้เข้าชมเดือนนี้
9
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ภาพความฝันอันสวยงามของฉัน...
ชายร่างสูงใหญ่ เอวสอบ ผิวขาวละเอียดดูสดใส คิ้วเข้มคม ริมฝีปากบางสีชมพู ตาคมหวาน หุ่นเพรียวลมหลอกตา ผู้ชายที่จะยืนอยู่เคียงข้างฉันไปตลอดชีวิต คนที่รักฉัน เขามีนิสัยเคร่งขรึม อ่อนโยน เล่นกีฬาเก่ง เล่นดนตรีก็เก่ง ผู้ชายที่จะมีเพียงฉันเท่านั้นที่อยู่ในสายตาและหัวใจ ผู้ชายที่ชอบเก๊กหล่อตลอดเวลา วางมาดนิ่งได้ในทุก ๆ สถานการณ์
ฉันเฝ้ารอมาตลอดชีวิตตั้งแต่จำความได้ว่าผู้ชายที่มีบุคลิกแบบนี้เท่านั้นที่ฉันจะสามารถอยู่กับเขาได้ตลอดไปโดยที่ฉันจะไม่เบื่อเขาไปสะก่อน เพราะฉะนั้นชีวิตฉันจึงดำเนินไปตามเส้นทางที่ฉันหวังว่าจะเจอเขาคนนั้น และทุก ๆ การตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้มาตลอด ฉันไม่รู้ว่าคนเบื้องบนจะลิขิตชีวิตฉันไปอย่างไร ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะได้เจอเขาคนนั้น และเขาคนนั้นจะรักฉันไหม
ตลอดการเดินทางของฉัน ฉันได้พบเจอผู้คนมากมาย แต่ก็ไม่มีคนใดที่เฉียดใกล้กับความฝันของฉันเลย แม้จะผิดหวังจากคนที่ไว้ใจหลายครั้ง แต่ท่ามกลางความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ไม่เคยเปลี่ยนไป พวกเขาดูแลและอยู่เคียงข้างฉันเสมอ คอยอยู่เป็นเพื่อน และปลอบใจ เพื่อนใหม่ที่เป็นคริสเตียนที่ไม่เคยเชื่อคำพูดใส่ร้ายเหล่านั้น และมองฉันจากตัวตนที่แท้จริงของฉัน
สำหรับฉันมันเป็นสิ่งปลอบใจที่ล้ำค่ายิ่ง แม้ฉันจะเจ็บปวดแต่พระเจ้าไม่เคยให้ฉันต้องอยู่อย่างเดียวดาย และฉันก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวโบสถ์ที่กรุงเทพ และพักที่บ้านของเพื่อนที่แสนดีของฉันคนนั้น
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักกับความฝันของฉัน
การพบกันของเราสองเป็นอะไรที่เรียบง่ายและไม่ใช่รักแรกพบสำหรับฉัน เขาคือผู้ชายตัวสูงใหญ่ ผิวคล้ำที่ดูคล้ายกับว่านั่นคือสีผิวที่แท้จริง เขาดูเป็นผู้ใหญ่เสียจนฉันนึกเกรงในการพูดคุยกับเขา เขาเป็นคนอารมณ์ดี และเป็นที่ต้องการของคนรอบข้างเสมอในฐานะคนที่ทุกคนสามารถพึ่งพาเขาได้ทุกเรื่อง เขาใจดี และมีรอยยิ้มพร้อมอารมณ์ขันอยู่เสมอ เขาทำให้ฉันสบายใจ และการไปเยี่ยมพี่น้องในพระเจ้าครั้งนี้ทำให้ฉันรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น มีคนต้องการฉันมากขึ้น ทุกคนเข้ามาทำความรู้จัก และใส่ใจฉัน รวมทั้งหนุ่มในโบสถ์ที่ขายขนมจีบให้ฉัน แต่มันก็ไม่ได้มีผลกับใจที่ด้านชาของฉัน เพราะฉันเจ็บแล้วจำ
ผู้ชายโครงสร้างใหญ่โตคนนั้น อยู่นอกเหนือความคาดหมายใด ๆ และเขาก็หาได้มีปฏิกิริยาแบบหนุ่ม ๆ เหล่านั้นไม่ และฉันก็สนใจเข้าในฐานะพี่ของเพื่อนใหม่ฉันเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าวันหนึ่ง ชีวิตฉันมันจะเปลี่ยนไป ตลอดกาล
หลังจากกลับจากทำงานที่ Cobra Gold ฉันก็ตัดขาดจากเพื่อนที่หาความจริงใจไม่ได้พวกนั้นทันที และก้าวต่อไปข้างหน้า แม้จะมีเพียงเพื่อนแค่ไม่กี่คนที่ฉันยังคงพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดได้ แต่ฉันก็ปิดกั้นที่จะสนิทกับใครยกเว้นเพื่อนคริสเตียนที่ช่วยฉันให้รอดในการทำงานครั้งนั้น
ฉันได้กลับไปเที่ยวที่โบสถ์นั้นอีกหลายครั้ง และสัญญากับศิษยาภิบาลที่โบสถ์นั้นว่าจะไปช่วย Mission trip ที่จะเดินทางมาจากสิงคโปร์ ในการร่วมกันประกาศพระกิตติคุณ
และด้วยเรื่องงานทำให้ฉันติดต่อกลับไปหาผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีคนนั้น เขาช่วยเหลือ และดูแลฉันอย่างดีในการทำงานครั้งนั้น และทุกครั้งที่ฉันไปช่วยงานที่โบสถ์ ฉันก็จะได้เจอกับเขาและได้รับการดูแลอย่างดีเสมอ และดูจะมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งความสนิทสนมที่เกิดขึ้นด้วย เพราะการที่เขาไม่ได้เขามาจีบฉัน ทำให้ฉันกล้าที่จะวางใจสนิทด้วย
เราเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน และเขาก็ดูแลฉันอย่างดีจนฉันรู้สึกอุ่นใจ
แล้วฉันก็ได้ไปร่วมค่ายของโบสถ์ที่ประจวบฯ การไปครั้งนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นสาวน้อยแสนสวยเสียนี่กะไร ผู้คนมากมายรุมล้อมอยากจะสานสัมพันธ์ ความปลื้มใจผ่านเข้าในความรู้สึก ความสุขที่ห่างหายไปนานถูกคนที่นี่เติมเต็ม และฉันก็รู้สึกเหมือนกับว่า แค่เหมือนจริง ๆ ว่าจะมีความรักอีกครั้ง ฉันไม่ลังเลที่จะชอบคน ๆ นั้น และเราก็เริ่มสนิทกัน แต่แล้วมันก็เป็นแค่อีกครั้งที่ฉันเข้าใจผิด แต่ครั้งนี้ก็นำมาแค่ความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย และผิดหวัง แม้จะเสียน้ำตาเพราะสับสน อันที่จริงฉันกำลังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองก็เท่านั้น
ผู้ชายร่างใหญ่ใจดีคนนั้นก้าวเข้ามาเพื่อเป็นที่ปรึกษาที่แสนดี และเพราะเหตุนี้ ที่ทำให้เราสนิทกันอย่างรวดเร็ว เขาเป็นแค่ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ฉันพูดกับเขาได้ทุกเรื่อง และเขาก็เข้าใจฉันมากที่สุด รับฟัง และปลอบโยน ที่ปรึกษาที่ไม่เคยบ่นว่า หรือบอกว่ารำคาญแม้แต่ครั้งเดียว แต่เขามักจะมีเรื่องมาแกล้งฉันได้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่เพราะเขาทำแบบนั้นฉันจึงลืมผู้ชายทุกคนที่เคยรู้สึกดีด้วยไปอย่างสิ้นเชิง
ฉันเลิกมองหาคนรัก แต่เปิดใจรับทุกคนเพื่อเป็นเพื่อนที่จะทำให้สุขใจมากกว่า ฉันมีความสุขในทุก ๆ วัน และมาโบสถ์รังสิตบ่อยกว่าไปโบสถ์ตัวเองเสียอีก และเริ่มก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีมนมัสการที่น่าปลาบปลื้ม และเริ่มงานค่ายสอนพิเศษที่ฉันได้รับเกียรติให้ตั้งชื่อค่าย ให้กับโบสถ์นั้น ได้รู้จักกับคุณลุงที่อยู่โบสถ์ที่สิงคโปร์ และได้ช่วยคุณลุงแปลบทความลงสูจิบัตรในทุก ๆ อาทิตย์ และงานค่าย และก็งานแปลนี้นี่เองที่ทำให้ฉันสนิทกับผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีคนนั้น ทุกอาทิตย์เราต้องร่วมกันแปลบทความจนดึกดื่น และมีหลายครั้งที่ฉันหลับคาโต๊ะทำงานในห้องออฟฟิศโบสถ์ทีเดียว (ฉันพึ่งมารู้ทีหลังว่าที่เราต้องอยู่แปลกันจนดึกดื่นทุกคืนเป็นแผนของเขา เขาเก็บงานสูจิบัตรนี้ไว้ทำคืนวันเสาร์ทุกอาทิตย์เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับฉัน แล้วฉันจะปลื้มใจดีไหม)
และแล้วความฝันของฉันก็เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อวันนึงฉันและผู้ชายร่างสูงใหญ่ไปเที่ยวที่สระน้ำริมบึงหลังเลิกงานเช่นทุกวัน แต่ไม่เหมือนทุกวัน ผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ฉันชวนคุยเรื่องโน่นนี่ตลอด และฉันก็รู้สึกผ่อนคลายมากทีเดียว
แล้วอยู่ ๆ เขาก็ถามฉันว่า
"แนน ถ้าเกิดว่ามีผู้ชายคนนึงขอคบด้วย แนนจะตอบเขาว่ายังไง?" เขาไม่ได้มองหน้าฉัน และฉันก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่สำหรับฉัน เข้าใจว่าน้อง ๆ ผู้ชายที่โบสถ์ของเขาคนใดคนนึงคงฝากมาถามเท่านั้น
"ก็คงขอให้เป็นเพื่อนกันไปก่อนหล่ะ เพราะว่าแนนยังไม่อยากมีใคร และเมื่อเป็นเพื่อนกันไปนาน ๆ เขาคนนั้นก็คงเปลี่ยนใจเองแหละ เพราะคงไม่มีใครอยากคบแนนจริง ๆ หรอก"
ฉันตอบไปแล้วก็พยายามไม่คิดอะไรมาก และเริ่มรู้สึกตื่นเต้นจนระงับไม่อยู่ นี่มันอะไรกัน คุยกันอยู่ดี ๆ ทำไมเราก็เกิดตื่นเต้นขึ้นมาได้ ไม่มีอะไรสักหน่อย
"แล้วถ้าเกิดว่า...."
"แอนคงมาแล้วมั้งพี่กฤตย์ กลับกันเถอะ" ฉันพูดขัดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ มันอาจจะเป็นเพราะความตื่นเต้น หรือไม่ก็ไม่พร้อมที่จะรับฟังอะไรกระมังที่ทำให้ฉันทำแบบนี้
"อืม..จริงด้วยกลับกันเถอะ" ผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีเห็นด้วยแล้วก็เดินไปที่รถ
แล้วหลังจากวันนั้นฉันก็สังเกตเขามากขึ้น แต่เขาก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปก็ยังขี้แกล้งเหมือนเดิม ฉันเล่าเรื่องวันนั้นให้เพื่อนฟัง และเพื่อนก็ลงความเห็นว่าผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีคนนี้ชอบฉัน แต่ฉันก็ยังไปปักใจเชื่ออยู่ดี จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ชายที่แสนจะกวนอารมณ์คนนี้ชอบฉัน ก็เขาไม่เคยมีท่าทีแบบนั้นเลยนี่นา ฉันบอกปัดความคิดของเพื่อนเพราะไม่อยากสูญเสียความสัมพันธ์ระหว่างกันไป ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาตอนนี้ทำให้ฉันมีความสุขมาก และหากต้องเสียเขาไปอีกคนเพราะความเข้าใจผิดฉันคงทนไม่ได้แน่ ฉันตัดสินใจสังเกตพฤติกรรมของเขาอย่างเงียบ ๆ แล้วถอยห่างออกมา 1 ก้าวเพื่อดูให้แน่ใจ แต่ฉันก็ไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติไปกว่าที่เคยเห็นแม้จะมีบางความรู้สึกที่ทำให้ลังเล และอยากถามเขา แต่ฉันก็ไม่อยากเสียเขาไป จึงปล่อยให้สถานการณ์ระหว่างเราเป็นไปตามที่มันเคยเป็น และเราก็สนิทกันเหมือนเดิม
จนคุณลุงที่อยู่สิงคโปร์มาเยี่ยมที่โบสถ์ แล้วผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีก็ไม่เคยหยุดที่จะแกล้งฉัน ก็แกล้งฉันเหมือนเดิม ฉันหันไปฟ้องคุณลุงด้วยภาษาอังกฤษที่คุ้นเคย แต่คุณลุงกลับตอบมาว่า
"แนน ยูไม่รู้อะไร ที่กฤตย์แกล้งยูก็เพราะกฤตย์รักยู" ฉันอึ้งสนิท รักหรือ?? เป็นไปได้ยังไง ก็เขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะรักฉันสักนิด ขี้แกล้งตลอดเวลา และที่ทำให้ฉันอึ้งมากกว่านั้นก็คือ ผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีคนนั้นไม่ปฏิเสธหรือตอบรับ
ฉันพยายามไม่คิดอะไร ก็เขาไม่ใช่เสปกของฉัน และฉันก็มีความสุขดีที่ชีวิตจะเป็นอย่างทุกวันนี้ แล้วไม่นานเพื่อนของเรา(ฉันและผู้ชายร่างใหญ่ใจดี) ก็มาแจ้งว่าจะแต่งงาน ฉันปลื้มปิติยินดีไปกับเขาด้วย และก็ถูกเจ้าสาวขอให้ช่วยจัดสถานที่ในวันงานให้
ฉันรับอย่างยินดี และทำทุกอย่างด้วยความทุ่มเท แม้ว่าพี่ผู้ชายคนนั้นจะทำบางเรื่องที่ไม่ดีกับฉัน โดยการโทรมาหาฉันแล้วถามฉันว่า ฉันไม่ได้รักเขาหรือ?? จะรักได้ยังไง ก็เขามีแฟนแล้ว และฉันก็ไม่เคยคิดอะไรกับเขาในแง่นั้น และแม้ก่อนหน้านี้เขาจะทำเรื่องไม่ควรกับฉัน แต่ฉันก็ให้อภัย ฉันช่วยงานเขาโดยที่ไม่พูดคุยกับเจ้าบ่าว แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเพราะมีผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีคอยดูแลฉันอยู่
เมื่อวันงานมาถึงฉันอดหลับอดนอนมาทั้งคืนเนื่องจากต้องนั่งหลังขดหลังแข็งจัดห้องประชุมให้กลายเป็นสวรรค์น้อย ๆ แต่ฉันก็ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อเตรียมความพร้อมในขั้นสุดท้าย
หลังจากเตรียมสถานที่และประพรมน้ำให้ดอกไม้นานาชนิดที่นำมาตกแต่งนั้น ฉันก็เข้าครัวเพื่อช่วยพี่ ๆ ทำฟรุ้ตพั้นท์ และก็ถูกยั่วโมโหจากผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีอีก แล้วก็พาลทะเลาะกันในครัว แล้วพี่คนนึงที่แนนนับถือกับเพื่อนของฉันก็กระซิบกันเสียดังเรื่องกำหนดการแต่งงานของฉันกับผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดี ฉันก็ได้แต่พูดกันตัวเอาไว้ว่า
"เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะแต่งกันน่ะ แนนก็ปัญญาอ่อน พี่กฤตย์ก็ปัญญาอ่อนลูกออกมาก็ได้ปัญญาอ่อนกันพอดี เนอะพี่กฤตย์เนอะ" แต่ผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีกลับพูดว่า
"แนนไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าเราสองคนแต่งงานกัน ลูกของเราที่ออกมาก็ต้องเป็นอัจฉริยะ"
แล้วหัวใจฉันก็สั่นน้อย ๆ ลูกของเรางั้นเหรอ?
หลังจากงานแต่งเสร็จสิ้นผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีก็ไม่ไปร่วมฉลองกับเพื่อนของเขา แต่เลือกที่จะอยู่เป็นเพื่อนฉัน ก็ดูซึ้งดีนะ แต่เพราะฉันไม่มีใครจริง ๆ
แล้วพ่อกับแม่ก็โทรตามกลับบ้าน แล้วผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีก็อาสาไปส่งฉันที่บ้าน
ฉันพาเขาไปเที่ยวในอำเภอเมือง เพราะบ้านฉันไม่ได้อยู่ในอำเภอเมืองแต่รถเข้ากรุงเทพก็วิ่งผ่าน พ่อกับแม่เข้าใจว่าเขามาจีบฉัน และคิดว่าเป็นแฟนฉันเพราะฉันไม่เคยพาใครเข้าบ้าน ส่วนฉันก็เริ่มลืมตามองผู้ชายตรงหน้าในแบบที่ควรจะเป็นมากขึ้นเนื่องจากคำพูดของพ่อกับแม่ คำนึงถึงความเป็นไปได้ของเรา ว่าพอจะเป็นไปได้ไหม
แล้วฉันก็ส่งเขากลับบ้านที่กรุงเทพในวันเดียวกันนั้น ในใจบอกกับตัวเองว่าขอให้รถหมดแล้วก็ขอให้เขาอยู่ที่นี่สักคืน ฉันรู้สึกเหงาอย่างประหลาด เมื่อเขาขึ้นรถจากไป และฉันก็จะยังไม่ได้กลับไปกรุงเทพในเร็ววันนี้ แต่เขาก็จะมาเที่ยวบ้านฉันตามคำชวนของฉันในช่วงวันสงกรานต์ที่จะถึงในอีกไม่กี่วันนี้ วันที่ไปส่งเขานั้นมันทำให้ฉันรู้ว่าฉันอยากให้เขาอยู่ข้าง ๆ มากแค่ไหน แม้ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม ฉันอยากให้เขาอยู่กับฉัน อยู่ข้าง ๆ ฉัน
เมื่อผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีกลับถึงบ้านก็ส่งข้อความมาถึงฉันว่า
'I arrive home already but my heart still there.' ฉันอึ้งไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร แต่กลับรู้สึกดี ถ้าหัวใจเขายังอยู่กับฉัน แล้วหัวใจฉันล่ะ ฉันไม่แน่ใจว่ามันอยู่ที่ไหน
ระหว่างที่เขายังไม่ได้มาเยี่ยมบ้านฉัน เขาก็โทรหาฉันทุกวัน และฉันเริ่มรับรู้ได้ว่าเขารักฉัน แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้พูดคำนั้นแม้แต่ครั้งเดียว
แล้วเขาก็มาเที่ยวบ้านฉัน ฉันขับรถไปรับเขา แล้วก็เป็นจังหวะพอดีที่โบว์มาเที่ยวบ้าน เราสนิทกันมากขึ้นและฉันก็เปิดใจมองเขามากขึ้น เขาเปิดเพลง ๆ นึงให้ฉันฟัง คือเพลง 'อะไรก็ได้' ของโต๋ศักดิ์สิทธิ์ แล้วฉันก็ได้รู้ว่าความรักของเขายิ่งใหญ่กว่านั้น เราอยู่ด้วยกันที่บ้านแม้จะนอนกันคนละห้อง ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันทำให้ฉันเริ้มรู้สึกชอบเขาและหลงลืมความฝันของตัวเอง
เมื่อฉันกลับไปที่โบสถ์อีกครั้ง เขาก็ตัดสินใจบอกความรู้สึกของเขากับฉันในคืนหนึ่ง ฉันไม่ได้พูดอะไร ช่วงเวลาหลายวันที่ไม่ได้เจอกัน ฉันได้มีเวลาทบทวนมากขึ้น ฉันถามใจตัวเองหลายครั้งว่าจะเป็นยังไงนะ ถ้าหากคนที่ยืนเคียงข้างเรา คือ ผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดี ฉันก็ตอบตัวเองไม่ถูก และในขณะที่เขาบอกฉัน ผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดีคนนี้ก็ไม่ได้ขอคำตอบอะไร เขาเพียงแต่อยากบอกให้ฉันรู้เท่านั้น
คืนนั้นฉันก็ไม่ได้ให้คำตอบเขา แต่ไม่ได้รู้สึกแย่ หรือไม่พอใจ แต่ในใจกลับรู้สึกเต็มตื้น และสงบสุขอย่างไนก็บอกไม่ถูก ฉันไม่แน่ใจ เพราะความรู้สึกที่ฉันมีตอนนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันสักครั้งไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเคยคบใคร แต่ก็ไม่มีใครที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกพอที่ไม่เคยเกิดขึ้น ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว ความรู้สึกอยากถนุถนอมทั้งหัวใจ ความรู้สึก และอยากดูแลเขาเข้ามาครอบครองความคิด และความรู้สึกของฉันจนมันเต็มล้นไปหมด
คืนนั้นเขาขอนอนอยู่ข้าง ๆ ฉันแล้วจับมือฉันไว้จนสว่าง ในขณะที่ฉันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แต่เพราะร่างกายอ่อนเพลียที่พึ่งเดินทางมาจากบ้านทำให้หลับไปโดยไม่รู้ตัว และเขาก็เป็นสุภาพบุรุษที่สุด เพราะขอไว้แค่ไหนเขาก็ทำแค่นั้น ฉันไม่ได้เดียงสาจนไม่รู้ว่าถ้ามีอะไรกันจะไม่รู้สึกต่างออกไป และที่ฉันกล้ามั่นใจก็ไม่ใช่เพราะเคยมีอะไรกับใคร แต่เป็นเพราะฉันนอนหลับท่าไหนก็จะตื่นท่านั้น และไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปยังไง
หลังจากคืนนั้น ฉันก็ไม่เคยต้องโดดเดี่ยวอีกเลย เขาจะอยู่เคียงข้างเสมอ แม้จะไม่เห็นหน้าและต้องห่างไกลกันเพราะหน้าที่ แต่เขาก็ส่งเสียงมาทางสายโทรศัพท์สม่ำเสมอ จนค่าโทรศัพท์พุ่งกระฉูด
หลังจากนั้นเขาก็พาฉันไปรู้จักกับครอบครัวของเขา ที่มีแม่ที่รักและห่วงใย มีพี่สาวสองคนที่รักและดูแลเขามาอย่างดี ซึ่งก็คงดูแลกันมาอย่างนี้ตั้งแต่เกิด เพราะพฤติกรรมหลังเป็นแฟนกันก็บ่งบอกได้ดีว่าเขาไม่ได้เป็นแค่พี่ชายที่แสนดีเท่านั้น แต่เขายังเป็นน้องชายและลูกชายที่ขี้อ้อนอีกด้วย ฉันคงไม่ได้หลงตัวเองที่เข้าใจว่า คุณแม่ของเขาก็คงยินดีกับการมีแฟนของเขาครั้งนี้ไม่น้อย และฉันก็มีความสุขมากที่เข้ากับครอบครัวเขาได้
แล้วก็ถึงเวลาสำคัญการพาเขาไปบ้านเป็นครั้งที่ 3 เพื่อยืนยันสถานะที่จริงจังแล้วของเขา เขาเข้ากับแม่ของฉันได้ดี แล้วก็เอาชนะใจพ่อที่แม้จะหวงและแสดงออกมาอย่างมากมายว่าไม่ยอมรับเขาเป็นเขย แต่ก็ต้องใจอ่อนเพราะความดี และเสมอต้นเสมอปลายของเขา
และเมื่อเวลาผ่านไป การได้มีเขาเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเป็นสิ่งที่ฉันสุขใจ เราทะเลาะกันบ่อย ๆ แต่ทุกครั้งก็จะลงเอยด้วยความเข้าใจ ชีวิตของฉันเหมือนฝันมากขึ้นทุกวัน ๆ แล้วฉันก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
'ชายร่างสูงใหญ่ เอวสอบ ผิวขาวละเอียดดูสดใส คิวเข้มคม ริมฝีปากบางสีชมพู ตาคมหวาน หุ่นเพรียวลมหลอกตา ผู้ชายที่จะยืนอยู่เคียงข้างฉันไปตลอดชีวิต คนที่รักฉัน เขามีนิสัยเคร่งขรึม อ่อนโยน เล่นกีฬาเก่ง เล่นดนตรีก็เก่ง ผู้ชายที่จะมีเพียงฉันเท่านั้นที่อยู่ในสายตาและหัวใจ ผู้ชายที่ชอบเก๊กหล่อตลอดเวลา วางมาดนิ่งได้ในทุก ๆ สถานการณ์'
ครั้งหนึ่งฉันเคยฝันหาผู้ชายแบบที่ว่านี้ ผู้ชายที่ฉันคิดเอาเองว่าถ้าเป็นคนในฝันคนนั้นฉันต้องมีความสุขแน่นอน แต่แล้วฉันก็เข้าใจผิดมาตลอดเพราะเมื่อเวลาผ่านไป ฉันกลับมองเห็นสิ่งที่ฉันใฝ่ฝันในตัวของผู้ชายร่างสูงใหญ่ใจดี
เขาเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ ไม่ค่อยมีเอว เวลาถอดเสื้อผิวด้านในของเขาขาวและละเอียดกว่าฉันอีก-_-! คิ้วเขาไม่คมเข้มแต่น่ามอง ริมฝีปากสีแดงสด ตาคมแน่ล่ะ เพราะนาน ๆ เข้าฉันไม่ค่อยกล้าสบตาเท่าไหร่ ร่างกายแข็งแกร่งบึกบึน เขาเคร่งขรึมเอามาก ๆ (เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น) หรือเวลามีอะไรที่กำลังต้องขบคิด อ่อนโยน การวิ่ง ตีแบด และเดินเล่นคือกีฬาที่เขาเล่นเป็น MP3/Mp4 การปรบมือ และร้องเพลง(ที่ส่วนใหญ่ผิดคีย์) คือเสียงดนตรีที่จะได้ยินจากเขา ผู้ชายที่จะมีเพียงฉันเท่านั้นที่อยู่ในสายตาและหัวใจ ผู้ชายที่ชอบเก๊กหล่อตลอดเวลา วางมาดนิ่งได้ในทุก ๆ สถานการณ์
สิ่งที่ฉันหวังไว้นั้นมักได้มากกว่าที่หวังเสมอ และนี่คือพระเมตตาของพระเจ้า
ฉันเคยคิดว่าชีวิตของฉันจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และหวังเอาไว้ว่าวันหนึ่งมันจะเป็นจริง ความฝันของฉันสวยงามและเกินจริงเสมอ ก็นะ มันคือความฝันนี่นา
แต่จะว่าไป หากคิดให้ดี ๆ ความจริงมันสวยงามมากกว่าความฝันมากมายนัก เพราะมันไม่เพียงแต่รู้สึกมีความสุข และอบอุ่นใจ แต่มันยังสามารถจับต้องได้ และไปถึง
'การฝันว่ามีคนที่รักเรา กับการที่มีคนมารักเราจริง ๆ ความรู้สึกมันต่างกันตั้งเยอะ'
แต่อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ฉันก็ยังคงมีความฝันอีกมากมาย และเลือกที่จะฝันต่อไป เพราะว่าความฝัน คือ ตัวแทนขจองความหวัง หากวันใดที่เรายังฝัน ก็แสดงว่าเรายังมีหวัง แล้วเราจะไม่ยอมฝันหรือ หากวันหนึ่งมันมีทางเป็นจริง
แต่อย่างหนึ่งที่แตกต่างออกไป และอยากให้ทุกคนได้คิดก็คือเราฝันได้ และฉันสนับสนุนให้คุณฝัน เพราะเหตุผลที่กล่าวมามากมายตั้งแต่แรก แต่ในการดำเนินชีวิตแต่ละวันให้เราเดินตามความเป็นไปได้ และทำทุกวันของคุณให้เป็นวันที่ดีที่สุด แล้วคุณจะรู้สึกว่าชีวิตของคุณมีค่ามากมาย และภาคภูมิใจในตัวของคุณเอง อย่าเอาคำว่าขี้เกียจและความเบื่อหน่ายมาจำกัดชีวิตที่สวนหรูของคุณ คุณเป็นได้มากกว่าที่คุณกำลังเป็นอยู่ และฉันขอย้ำให้คุณฟังอีกครั้งว่า "คุณ เป้น ได้ มาก กว่า ที่ คุณ เป็น อยู่" และมันเป็นอย่างนั้นอยู่เสมอ
ฉันอาจเป็นบุคคลโนเนมไม่น่าเชื่อถือ กระดาษไข อาจเป็นใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีใครรู้จักฉัน แต่อย่างหนึ่งที่ฉันอยากเป็น ก็คือเป็นใครก็ได้ที่มีประโยชน์กับโลกที่ฉันได้เกิดมา ได้เป็นพยานถึงสิ่งที่กระดาษไขพบเจอ
เรื่องสั้นเรื่องหน้าก็จะเป็นเรื่องแบบนี้ คือเรื่องราวชีวิตของฉัน ที่จะมาเล่าเพื่อแบ่งปันประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตของฉัน ฉันได้ได้ต้องการให้ทุกคนที่มาอ่านยกย่องความเป็นตัวตนของฉัน แต่ที่อยากจะเล่าก็คือส่วนหนึ่งในชีวิตที่เกิดขึ้น และคิดว่ามันพอจะช่วยคนอื่นได้ หากว่าคน ๆ นั้นกำลังสับสน ฉันยินดีให้คำปรึกษาทุกเรื่อง และอยากจะขออาสาตัวเลยว่า หากฉันช่วยได้ ไม่เกินกำลังของฉัน ฉันยินดี
ไม่ใช่คนที่มีประสบการณ์มากมายพอที่จะรู้ทุกอย่าง แต่ฉันกับว่าที่คู่ชีวิตก็ยินดีรับฟัง และจะตอบทุกความคิด และคำถามหากคุณอยากรู้ และอยากให้ชีวิตวันนี้ ดีกว่าเมื่อวาน
ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับตัวคุณว่าชีวิตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
ด้วยรักที่มีต่อทุกคนจากองค์พระเยซูคริสต์ผู้เป็นที่รักของกระดาษไข
กระดาษไข
ผลงานอื่นๆ ของ กระดาษไข ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ กระดาษไข
ความคิดเห็น